ไปเที่ยว “นิกโก้” ชมใบไม้เปลี่ยนสี เยือน 1 ใน 3 สะพานที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น
นักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวนมากให้ความสนใจไปท่องเที่ยวญี่ปุ่น ดินแดนที่มีแต่ความสวยงามและสถานที่ท่องเที่ยวมากมายหลายต่อหลายแห่งด้วยกัน โดยโตเกียวมักจะเป็นจุดหมายปลายทางแรกที่นักท่องเที่ยวเมื่อไปเยือนญี่ปุ่นจะนึกถึง แต่สำหรับเมืองเล็กๆที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงไม่มากนักอย่าง นิกโก้ ก็นับว่าเป็นอีกเมืองที่มีความสวยงามและน่าสนใจในเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยวเก่าแก่ที่ได้รับการยอมรับ
Nikko เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนทิวเขาในจังหวัดโทะชิงิ อยู่ห่างจากรุงโตเกียวไปทางทิศเหนือประมาณ 140 กิโลเมตร ถือว่าเป็นเมืองที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติที่มีความงดงามเป็นอย่างมาก และเป็นเมืองที่มีความเก่าแก่ด้วยสิ่งก่อสร้างสำคัญๆ มากมายทางประวัติศาสตร์ ทำให้เมืองแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกแห่ง
นอกจากนี้แล้วยังมีชื่อเสียงในเรื่องของน้ำพุร้อนและสถานที่พักผ่อนมากมายอีกด้วยโดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วง จะมีใบไม้เปลี่ยนสีมากมายตามหุบเขา ทำให้นิกโก้กลายเป็นอีกเมืองที่มีชื่อเสียงในการเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีความสวยงามมาก เพราะสะดวกอย่างมากในการเดินทางจากโตเกียว
ด้วยความที่ในอดีต นิกโก้ เคยเป็นศูนย์กลางของศาสนาพุทธนิกายชินโต ทำให้เมืองแห่งนี้มีศาลเจ้าและวัดที่สวยงามหลายแห่ง ด้วยกัน โดยหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวระดับแลนด์มาร์คของเมืองแห่งนี้ก็คือ ศาลเจ้าโทโชกุ ซึ่งเรียกว่าเป็นศาลเจ้าที่มีความเก่าแก่และกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนิกโก้ไปแล้ว รวมทั้งเป็นมรดกอีกด้วย โดยสถานที่แห่งนี้นั้นมีความสำคัญอย่างมากในประวัติศาสตร์ เพราะเป็นสถานที่สุดท้ายที่ โชกุน โตกุกาว่า อิเอยาสึ ได้มาพำนักอาศัยในช่วงปั้นปลายของชีวิตหลังจากที่เขาไปสละตำแหน่งโชกุนคนแรกของตระกูลโตกุกาว่า และเป็นสุสานของตระกูลโตกุกาว่าอีกด้วย
ก่อนที่จะมีการสร้างอาคารหลายอาคารเพื่ออุทิศให้กับเทพเจ้า โดยอาคารแต่ละหลังนั้นเป็นไม้แกะสลักที่มีความงดงาม และมีจุดที่มีชื่อเสียงในส่วนของคานที่เกาะสลักเป็นรูปลิงปิดหู ปิดตา ปิดปาก ซึ่งว่ากันว่าเป็นปริศนาธรรม
โดยที่นี่จะแวดล้อมไปด้วยป่าเขาที่ร่มรื่นทำให้สงบเป็นอย่างยิ่ง และเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวให้ความนิยมมาเที่ยวกันอย่างมาก
ส่วนอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เก่าแก่เคียงคู่กันมาอย่างวัดรินโนจิ ที่ก่อสร้างมาโดยหระสงฆ์ที่นำศาสนาพุทธเข้าสู่ญี่ปุ่นอย่างท่าน Shodo Shonin โดยสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 โดยมีความโดดเด่นที่อาคารหลัก Sanbutsudo ซึ่งเป็นอาคารไม้ที่เคลือบด้วยทอง สวยงามอย่างมาก
และภายในประดิษฐานพระพุทธรูปไม้แกะสลักคันนอนพันมือ และพระพุทธรูปคันนอนที่มีหัวเป็นม้า โดยในส่วนตรงข้ามกันจะเป็นหอสมบัติ ซึ่งเป็นที่ตั้งของนิทรรศการทางพุทธศาสนา
มีสวนญี่ปุ่นขนาดเล็กที่สวยงามอย่างมากในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เพราะมีต้นเมเปิ้ลอยู่มากมายหลายต้นด้วยกัน
Nikko ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความเก่าแก่อีกหลายแห่งด้วยกันทั้งที่ ศาลเจ้าไทยุอินเบียว ซึ่งเป็นสุสานของลานชายของโตกุกาว่า อิเอยาสึ หรือเป็นโชกุนคนที่ 3 ในสมัยเอโดะนั่นเอง
โดยมีซุ้มประตูนิโอมอนและประตูนิเทนมอน ที่มีการตกแต่งอย่างหรูหราสวยงามเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนที่ห้องโถงไฮเดน จะมีประตูแกะสลักมังกรขาว และภายในจะตกแต่งด้วยการสลักไม้และเคลือบทอง สวยงามอย่างมาก โดยที่ห้องโถงนี้คุณสามารถชมได้จากภายนอกเท่านั้นไม่สามารถเข้าไปชมด้านในได้ โดยมีการเชื่อมต่อด้วยระเบียงไม้และด้านในสุดจะเป็นหลุมฝังศพของโชกุนคนที่ 3 ของตระกูลโตกุกาว่า
ทางด้านของ ศาลเจ้าฟูทาระซัง นั้นก็เป็นอีกสถานที่ที่ ท่าน Shodo Shonin เป็นผู้สร้างขึ้นมา โดยมีความเก่าแก่และหรูหรากว่าที่ศาลเจ้าโทโชกุ แต่มีขนาดเล็กกว่าและมีทั้งห้องโถง Haiden อยู่ทางซ้าย
ส่วนด้านหลังคือห้องโถง Honden และห่างไปไม่ไกลนักจะเป็นที่ตั้งของสะพานชินเคียว ที่มีความศักดิ์สิทธิ์และเป็นหนึ่งในสามของสะพานที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น โดยมีการปรับปรุงและเปิดให้นักท่องเที่ยวโดยข้ามได้โดยเสียค่าธรรมเนียมเล็กน้อย
ส่วนทางด้านของทาโมซาวะอิมพีเรียลวิลล่า นั้นเป็นบ้านพักที่มีการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างสถาปัตยกรรมเอโดะแบบดั้งเดิมและเมจิ โดยภายในนั้นมีห้องอยู่ทั้งหมดกว่า 106 ห้อง โดยอาคารแห่งนี้เป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในญี่ปุ่น โดยภายในมีการตกแต่งที่ผสมผสานระหว่างตะวันตกและตะวันออก โดยปัจจุบันนั้นเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมความสวยงาม และมีสวนญี่ปุ่นที่มีความสวยงามอย่างมากในช่วงของฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
นิกโก้ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอยู่หลายต่อหลายแห่งด้วยกัน ทั้งที่ ที่ลุ่มเซนโจงาฮาระ ที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลกว่า 1,400 เมตร และเหมาะอย่างมากกับการเดินป่าเพื่อชมความสวยงามของธรรมชาติ
โดยมีเส้นทางหลายเส้นที่น่าสนใจทั้งเส้นทางที่เดินเรียบไปตามแม่น้ำยูคาวะ ระหว่างยูโมโตะออนเซนกับน้ำตกริวซู ซึ่งจะใกล้กับทะเลสาบชูเซนจิ ถือว่าเป็นอีกจุดที่น่าสนใจ
ส่วนทางด้านของ ภูเขาฮันเกะสึยามะ ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของทะเลสาบชูเซนจิ ก็มีเส้นทางในการเดินขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ของภูเขาลูกนี้อยู่หลายเส้นทางด้วยกัน และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในการชมใบไม้เปลี่ยนสีอีกด้วย โดยทางด้านของทะเลสาบชูเซนจิ นั้นเป็นฐานภูเขาไฟนันไต
โดยทางด้านทิศตะวันออกของทะเลสาบ จะเป็นที่ตั้งของเมืองออนเซนเล็กๆ ที่มีความน่าสนใจอย่าง ยูโมโตะออนเซน ที่มีห้องอาบน้ำเล็กๆ เปิดให้นักท่องเที่ยวได้มาแช่กันอีกด้วย และมีความสวยงามอย่างมากในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
นอกจากนี้แล้วใน Nikko ยังเป็นที่ตั้งของ อุทยานแห่งชาติโอคุนิกโก้ ที่มีทิวทัศน์ที่สวยงามอย่างมาก และมีธรรมชาติรอให้นักท่องเที่ยวไปสัมผัสอยู่มากมายหลายจุดด้วยกันรวมทั้งเส้นทางในการเดินป่าที่มีอยู่อย่างมากมาย โดยที่นี่จะมีความสวยงามมากที่สุดก็ในช่วงของฤดูใบไม้ร่วงนั่นเอง โดยมีน้ำตกเคงอน ที่มีความสูงกว่า 100 เมตร เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามมากที่สุดของญี่ปุ่น และเป็นจุดชมความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามมากที่สุดอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น
ส่วนทางด้านของน้ำตกริวซู จะตั้งอยู่บนแม่น้ำยูคาวะและไหลลงสู่ทะเลสาบชูเซนจิ โดยสองข้างจะเต็มไปด้วยต้นไม้ที่หนาแน่นอย่างมาก และจะเปลี่ยนเป็นสีสันต่างๆ ในช่วงของฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
อีกจุดยอดนิยมของนักท่องเที่ยวไม่แพ้ถนนอิโรฮาซากะ ซึ่งเป็นถนนที่มีความคดเคี้ยวอย่างมาก โดยเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อใจกลางเมืองนิกโก้ ไต่ระดับขึ้นไปยังภูเขาอิโรฮา โดยปัจจุบันนั้นจะเปลี่ยนมาเป็นเส้นทางลงจากเขาแบบวันเวย์เท่านั้น และมีจุดแวะชมความสวยงามของน้ำตกทั้งน้ำตกเคงอนและน้ำตกริวซู รวมทั้งในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีนั้น ถนนเส้นนี้ได้รับการจัดอันดับเป็นสถานที่่ชมความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสีอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้
สำหรับการเดินทางมายังเมืองอย่าง นิกโก้ นั้นคุณสามารถใช้บริการของรถไฟสาย Tobu โดยขึ้นจากสถานีอาซากุสะ ได้เลยและรถจะวิ่งมาถึงสถานีนิกโก้ นอกจากนี้แล้วนักท่องเที่ยวที่ถือบัตร JR Kanto Area , JR TOKYO Wide Pass และ JR East Pass สามารถใช้บริการของรถไฟสาย JR-Tobu Direct Limited Express Train ที่วิ่งตรงจากสถานี Shinjuku และสถานี Ikebukuro ไปยังสถานี Nikko และสถานี Kinugawa Onsen ได้เลยอีกเช่นกัน
แต่หากใครที่ถือบัตร JR Pass ต้องเสียเงินค่าโดยสารเพิ่มเอง แต่ก็สามารถใช้วิธีในการเดินทางมานิกโก้โดยนั่งรถไฟความเร็วสูงอย่าง Shinkansen มาลงที่สถานี Utsunomiya จากนั้นให้คุณเปลี่ยนเป็นขบวนรถไฟเป็นสาย Nikko โดยมาลงที่สถานี Tobu Nikko หรือสถานี Kinugawa Onsen ก็ได้เช่นเดียวกัน