“10 ถ้ำสวยทั่วโลก” สวยงาม อลังการ จนต้องไปเยือนสักครั้ง !!
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยว ไม่ว่าจะขึ้นเขา ลงห้วย ก็ไม่มีหวั่นกันใช่ไหมคะ? เพราะธรรมชาติสรรค์สร้างมาสวยงามขนาดนี้ จะพลาดได้ไงล่ะเนอะ เช็คอินชิลล์วันนี้จะพาไปชม 10 ถ้ำสวยทั่วโลก ที่มีความสวยงาม อลังการงานสร้างซะเหลือเกิน รับรองว่าถ้าได้เห็นความสวยงามแล้ว คุณจะต้องอยากไปเยือนสักครั้งหนึ่งในชีวิตอย่างแน่นอน !!
1. Melissani Cave, Greece
ถ้ำเมลิสซานี ตั้งอยู่บนเกาะเคฟาโลเนีย (Kefalonia Island) ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองซามิ ประเทศกรีซ ใต้พื้นดินภายในถ้ำเมลิสซานีนั้น มีทะเลสาบเมลิสซานี (น้ำกร่อยผสมน้ำจืด) ซึ่งถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1951 โดย Giannis Petrocheilos รอบนอกของถ้ำเคยถูกทำลายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เมื่อ ค.ศ. 1953 แต่ยังคงเป็นทะเลสาบในถ้ำที่สวยที่สุดแห่งของโลก แถมยังสามารถนั่งเรือเล็กๆ ชมความสวยงามภายในถ้ำได้ด้วย ในปัจจุบันบริเวณรอบๆ ถ้ำเป็นป่าสีเขียวขจี ใกล้ๆ ถ้ำมีลานจอดรถสำหรับนักท่องเที่ยว น่าไปเที่ยวมากๆ เลยเนอะ
2. Cave of the Crystals, Mexico
ถ้ำคริสตัลยักษ์ เป็นถ้ำที่ถูกค้นพบโดย 2 พี่น้อง Eloy และ Javier Delgado ระหว่างการทำเหมือง ซึ่งเชื่อมต่อกับเหมืองไนกาที่ความลึก 300 เมตร ตั้งอยู่ที่ในรัฐชีวาวา ประเทศเม็กซิโก ภายในถ้ำพบผลึกธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุด นั่นก็คือ คริสตัลของซีลีเนียม (ยิปซั่ม) มีความยาวถึง 12 เมตร หนัก 55 ตัน มีอายุราวๆ 600,000 ปี อุณหภูมิภายในถ้ำก็ไม่ธรรมดา สูงถึง 58 องศสเซลเซียส (136 ฟาเรนไฮต์) ความร้อนนี้มาจากใต้โลก ซึ่งระบายออกตามแนวเลื่อน โดยกระเปาะหินหนืด กับความชื้น 99% ซึ่งมันจะรบกวนการหายใจ และมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะขาดอากาศหายใจ หากอยู่ในถ้ำเกิน 15 นาที อาจเสียชีวิตได้ ด้วยเหตุนี้นักวิจัยที่เข้าไปสำรวจภายในถ้ำ จึงสวมชุดที่สามารถระบายความร้อนด้วยน้ำแข็ง (น้ำแข็งอยู่ได้นานราวๆ 20 นาที) และมีออกซิเจน เพื่ออยู่รอดในสภาพแวดล้อมของถ้ำ แหมมม ถ้ำสวยก็จริง แต่อันตรายมากเลย
3. Eisriesenwelt Ice Cave, Austria
ถ้ำน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นถ้ำหินปูน และน้ำแข็ง ตั้งอยู่ภายในภูเขา Hochkogel ในส่วนของเทือกเขาแอลป์ เมืองเวอร์เฟน ประเทศออสเตรีย มีความยาวถึง 42 กิโลเมตร ถ้ำน้ำแข็งนี้มีช่วงเวลาเปิดให้เข้าชม ซึ่งก็คือ วันที่ 1 พฤษภาคม – 26 ตุลาคม ของทุกปี ในช่วงเดือนพฤษภาคม, มิถุนายน, กันยายน และตุลาคม อุณหภูมิภายในถ้ำจะต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง แนะนำให้สวมเสื้อผ้าที่อบอุ่นที่สุด ภายในมีการสร้างบันได เพื่อความสะดวกในการชมอีกด้วย เนื่องจากความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์ จึงเป็นสถานที่ที่ดึงดูดนักเที่ยวได้อย่างล้นหลาม
4. Waitomo Glowworm Caves, New Zealand
ถ้ำหนอนเรืองแสง ตั้งอยู่ในเกาะเหนือ ทางตอนใต้ของเมืองไวโตโม ประเทศนิวซีแลนด์ หนอนเรืองแสง ‘Arachnocampa luminosa’ เป็นเอกลักษณ์ของประเทศนิวซีแลนด์ เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก (เชื้อรา) มีสายพันธุ์ Glowworm ที่มีถิ่นกำเนิด และพบเฉพาะในประเทศนิวซีแลนด์ พบในถ้ำที่ชื้นเปียก ลำตัวเรืองแสง ถ้ำแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชมอย่างมากมาย เพลิดเพลินไปการนั่งเรือที่มีชื่อเสียงระดับโลก ภายใต้โลกเวทมนตร์ของหนอนเรืองแสงจากธรรมชาติ ถ้ำแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของระบบถ้ำ Ruakuri และ Aranui อีกด้วย
5. Marble Caves, Chili
ถ้ำหินอ่อน อยู่ในเขตพื้นที่ของทะเลสาบการ์เรรา (General Carrera) ทะเลสาบขนาดใหญ่ในเขตภูมิภาคปาตาโกเนีย (Patagonia) ทวีปอเมริกาใต้ ประเทศชิลี เป็นถ้ำที่เกิดจากปรากฎการณ์น้ำจากแม่น้ำ Rio Tranquilo ไหลทะลวงเข้าสู่คาบสมุทร จนหินปูนยักษ์ถูกขุดเจาะเป็นโพรงซับซ้อน วกวน ส่วนลวดลายนั้น ก็เกิดจากการกัดเซาะของน้ำ จนเป็นลวดลายเหมือนหินอ่อน สะท้อนพื้นน้ำสีฟ้าของทะเลสาบ แสงสาดส่องเข้ามา จนเกิดเป็นภาพความสวยงาม มีทัศนียภาพที่สวยงามทั้งภายในถ้ำ และบริเวณรอบๆ ถ้ำ ในทะเลสาปการ์เรรา
6. Fingal’s Cave, Scotland
ถ้ำฟิงกอล ตั้งอยู่บนเกาะสตาฟฟา (Staffa) บริเวณหมู่เกาะ อินเนอร์ เฮบริเดส (Inner Hebrides) ประเทศสก็อตแลนด์ ถ้ำฟิงกอล เป็นถ้ำในทะเล มีความโดดเด่นทางด้านธรณีวิทยา ปากทางเข้าถ้ำสูงกว่าตึก 6 ชั้น ตัวถ้ำทอดลึกเข้าไปราว 70 เมตร รอบๆ มีเสาหินบะซอลต์รูปหกเหลี่ยม เรียงรายตั้งฉากกับพื้นน้ำ เสาหินรูปหกเหลี่ยมเกิดจากการระบายความร้อนของลาวา จากด้านล่างสู่ด้านบน และลาวาด้านล่างเกิดการแข็งตัว แล้วหกตัวจนแตกหักเกิดเป็นรูปหกเหลี่ยม สวยงามจริงๆ ค่ะ
7. Crystal Ice Cave, Iceland
ถ้ำน้ำแข็งคริสตัล ในทุ่งหิมะวาตนาเยอคูตล์ (Vatnajökull) ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ ในช่วงฤดูหนาวประเทศไอส์แลนด์จะมีอุณหภูมิติดลบ (ช่วงที่เปิด คือ 10 พฤศจิกายน – 31 มีนาคม ของทุกปี) เป็นถ้ำในทะเลสาบแช่แข็ง ที่เกิดจากธารน้ำแข็งสวีนาเฟลล์โจกุล (Svínafellsjökull Glacier) โดยรูปแบบของถ้ำจะไม่แน่นอน มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มีปากถ้ำสูงประมาณ 22 ฟุต ความโดดเด่นของถ้ำ คือ ผนังของถ้ำที่เหมือนคริสตัลสีฟ้า สวยงาม ตระการตา สร้างสรรค์โดยธรรมชาติ ถ้าได้ไปเยือนคงเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมแน่ๆ เลยจ้า
8. Blue Cave, Croatia
ถ้ำสีฟ้า เป็นถ้ำทะเล ในอ่าวขนาดเล็กที่เรียกว่า ‘Balun’ ทางฝั่งตะวันออกของเกาะ Bisevo เกาะเล็กๆ ในหมู่เกาะ Dalmatian archipelago ประเทศโครเอเชีย ถ้ำนี้เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเล มีความยาว 24 เมตร ปากถ้ำสูง 1.5 เมตร กว้าง 2.5 เมตร ความสวยงามของถ้ำที่เป็นไฮไลท์เลยก็คือ ปรากฎการณ์เรืองแสงสีฟ้า เกิดจากรังสีของดวงอาทิตย์เจาะผ่านหลุมใต้น้ำ และสะท้อนให้เห็นชั้นหินปูนสีขาวของถ้ำ เกิดการตกกระทบของแสงจนทำให้เป็นแสงสีฟ้าส่องสว่างภายในถ้ำ ซึ่งจะเกิดในช่วงเวลาระหว่าง 11.00-12.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ถ้ำจะมีความสวยงามมากที่สุด
9. Friouato Cave, Morocco
ถ้ำ Friouato ตั้งอยู่ประมาณ 30 กิโลเมตร ทางทิศใต้ของเมืองทาซา ประเทศโมร็อคโค จุดที่นักสำรวจเข้าไปไกลที่สุดคือ ประมาณ 272 เมตร แต่ขีดจำกัดของถ้ำที่แท้จริงแล้วยังคงลึกลับ อย่างไนรก็ตามผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ปลายทางของมันน่าจะยาวประมาณ 6 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีสัญญาณของแม่น้ำใต้ดินที่เชื่อว่าเป็นอุโมงค์ ผู้คนในหมู่บ้านบอกว่า นักสำรวจที่เข้าไปสำรวจมักไม่เคยได้กลับมา ได้มีการสำรวจโดยการดำน้ำโดย Exeter University Speleological Society ค้นพบโถงขนาดใหญ่ และสิ้นสุดด้วยก้อนหินขนาดใหญ่
10. Son Doong Cave, Vietnam
ถ้ำเซินด่อง เป็นถ้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติฟ็องญา-แก๋บ่าง อำเภอโบ๊จัก จังหวัดกว๋างบิ่ญ ในภาคกลางของประเทศเวียดนาม อยู่ห่างจากกรุงฮานอยไปทิศใต้ประมาณ 450 กิโลเมตร คนท้องถิ่นค้นพบถ้ำนี้ใน ปี 1991 แต่ไม่เป็นที่รู้จักมาก จนมีนักสำรวจชาวอังกฤษเข้ามาสำรวจในปี 2009 พบว่ามีแม่น้ำใต้ดินขนาดใหญ่ สายน้ำไหลเชี่ยวอยู่ภายในถ้ำ ถ้ำมีความยาว 9 กิโลเมตร แวดล้อมไปด้วยถ้ำขนาดเล็กอีกประมาณ 150 แห่ง อายุน่าจะราวๆ 2-5 ล้านปี