เที่ยว “เขื่อนเชี่ยวหลาน” พายเรือแคนนู ใช้ชีวิตสงบๆบนแพ คนละไม่ถึง 3,000 บาท
เขื่อนเชี่ยวหลาน อยู่ที่ไหน? ประวัติและความเป็นมา
เขื่อนเชี่ยวหลาน หรือมีอีกชื่อว่า เขื่อนรัชชประภา เป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งที่สองของภาคใต้ อยู่ในจังหวัดสุราษฎ์ธานี เป็นเขื่อนที่ได้รับได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามให้ใหม่ว่า “เขื่อนรัชชประภา” มีความหมายว่า “แสงสว่างแห่งราชอาณาจักร”
เขื่อนเชี่ยวหลาน เป็นเขื่อนหินถมแกนดินเหนียว สูง 94 เมตร มีความยาวสันเขื่อน 761 เมตร และมีเขื่อนปิดกั้นช่องเขาขาดอีก 5 แห่ง มีความจุ 5,638.8 ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่อ่างเก็บน้ำ 185 ตารางกิโลเมตร ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเฉลี่ยปีละ 3,057 ล้านลูกบาศก์เมตรโดยมีพื้นทีส่นใหญ่ติดอุทยานแห่งชาติเขาสกเกือบทั้งหมด
บรรยากาศในทะเลสาบเชี่ยวหลาน..น่าไปไหม
เริ่มต้นออกเดินทาง…
การเดินทางครั้งนี้มีเพื่อนร่วมทางทั้งหมด 4 คน และจุดเริ่มต้นการเดินทางครั้งนี้มาจากที่ เป็นช่วงที่ว่างที่สุดที่จะไปเที่ยวได้พร้อมกัน เลยได้ตัดสินใจไปเที่ยวกัน โดยเลือกที่จะไปเที่ยวคือเขื่อนเชี่ยวหลาน ซึ่งวิธีไปนั้นเราเลือกเดินทางด้วยเครื่องบินจากสนามบินดอนเมือง ซึ่งพวกเราได้เลือกใช้บริการสายการบินนกแอร์ จากดอนเมืองไปสุราษฎร์ธานีโดยมีค่าเดินทางตกคนละประมาณ 472 บาท
ตั๋วเครื่องบินนกแอร์จาก ดอนเมืองไปสุราษฎร์ธานี
หลังจากนั้น เมื่อเราถึงสุราษฎร์ธานี เราได้ไปแวะพักในเมือง 1 คืน แล้วจึงต่อไปเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลานโดยเราได้ใช้บริการรถตู้จากบริษัทพันทิพย์จำกัด มารับหน้าโรงแรม ราคาค่าเดินทางคนละ 150 บาท รถตู้จะพาไปจอดถึงท่าเรือเทศบาลเขื่อนเชี่ยวหลาน
ตั๋วรถตู้ สุราษฎร์ธานี ถึง ท่าเรือเทศบาลเขื่อนเชี่ยวหลาน
และการที่เราจะเข้าไปยังแพในเขื่อนเชี่ยวหลานได้นั้นเราต้องเสียค่าเข้าอุทยานแห่งชาติเขาสก เป็นจำนวนเงินคนละ 40 บาท การนั่งเรือเข้าไปแพที่พักซึ่งในส่วนนี้เราจะต้องจองไว้ก่อนหรือติดต่อที่ท่าเรือก็ได้ ซึ่งราคาจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับระยะทางของแพที่เราไป ซึ่งแพที่เราจะไปคือ “แพคลองคะ” ซึ่งไม่ว่าจะไปกี่คนก็ต้องเสียค่าเหมาเรือทั้งลำ คือราคา 2500 บาท เรือละคนขับจะอยู่กับเราที่แพเป็นเวลา 1 วัน 1 คืน ถ้าเราได้ติดต่อเรือไว้แล้ว ก็ขึ้นเรือได้เลย ในเรือก็จะมีเสื้อชูชีพให้เราไว้ใส่เพื่อความปลอดภัยและเราต้องนำเสื้อชูชีพนี้ไว้ใช้ในเล่นน้ำระหว่างที่พักอยู่บนแพด้วย
เริ่มเดินทางสู่ทะเลสาบเชี่ยวหลาน บรรยากาศที่นั้นดีมากๆ
ที่พักที่เราจองไว้นั้นคิดแบบรายคน คิดคนละ 700 บาทต่อคืนเป็นห้องน้ำรวมมี 6 ห้องซึ่งห้องน้ำก็สะอาดน่าใช้ ส่วนอาหาร มีให้ 2 มื้อคือมื้อเช้าและมื้อเย็น ซึ่งเจ้าหน้าที่จะให้เช็คอินเข้าที่พักได้เวลา 12.00 น. และเช็คเอาท์จากที่พักได้ไม่เกิน 10.00 น. เมื่อเช็คอินแล้ว เจ้าหน้าที่จะให้ถุงดำมาเพื่อให้นำใส่ขยะที่เรานำมาและนำขยะนี้กลับเข้าฝั่งไปด้วยซึ่งเป็นโครงการขยะคืนถิ่น แพคลองคะ นั้นจะให้ใช้ไฟได้ในเวลา 18.00 – 22.00 น. หลังจากนั้นก็จะตัดไฟ เพราะฉะนั้นใครที่นำโทรศัพท์ไปก็ควรต้องนำ Powerbank ติดไปเผื่อเพื่อป้องกันแบตเตอรี่หมด ที่แพนั้นมีเพียงแค่สัญญาณ AIS เท่านั้นที่ใช้ได้ แต่ถ้าฝนตกก็ไม่มีสัญญาณทุกเครือข่าย
บรรยากาศแถวที่พัก(แพคลองคะ)นั้นสวยงามมากทั้งอากาศบริสุทธิ์ นำใส น่าเล่นน้ำมากๆ แต่ขอพายเรือชมบรรยากาศก่อนนะ
เราได้เช่าเรือแคนูพายรอบที่พัก พายเรือจนเหนื่อยแล้ว เราพักมาเล่นน้ำกันดีกว่า
น้ำใสและเย็นมาก บอกได้เลยว่าทีนี้ เล่นกันจนตัวเปื่อยกันเลยทีเดียว
หลังจากวันแรกเที่ยวเล่นแถวแพอย่างสนุกแล้ว วันนี้เราเลยไปเที่ยวชมเขาสามเกลอ สิ่งที่หลายๆคนคิดว่า แฝดคนละฝาของกุ้ยหลิน ณ เมืองจีน เป็น เขาหินปูนสูง3ลูก ท่ามกลางสายน้ำที่ใส
ก่อนกลับเรามาดูจุดชมวิวที่บริเวณสันเขื่อนโดยเป็นจุดที่เราจะเหนตัวเขื่อนทอดยาวสวยงามมากและยังมีดอกไม้ที่จัดสวยงามบริเวณป้ายเขื่อนรัชชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลานนั้นเอง
ถึงเวลากลับจนได้ โดยขากลับนั้นเราเลือกใช้บริการ AirAsia ตกคนละประมาณ 468 บาท ต้องกลับแล้วสินะ ยังไม่อยากกลับกันเลย
ค่าใช้จ่าย สำหรับทริปนี้
ค่าเรือ ไป-กลับเหมา 2,500 บาท(นั่งกี่คนก็ต้องเหมา)ไป 4 คน คนละ 625 บาท
ค่าที่พัก คนละ 700 บาท
ค่าอาหารสั่งบนแพ คนละ 75 บาท
ค่ารถตู้ไป-กลับ ระหว่างเขื่อนกับตัวเมือง คนละ 300 บาท
ค่าเครื่องบินไป-กลับ คนละ 940 บาท
รวมคนละ 2,640 บาท
ทริปนี้ถือเป็นทริปน่าสนใจมาก โดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบธรรมชาติ สำหรับคนที่สนใจมา ต้องบอกก่อนว่าที่นี่ แทบไม่มีสัญญาณโทรศัพท์เลย ใครจะมาที่นี่อาจจะต้องทำใจงดเล่น Facebook โซเชียลมีเดียต่างๆกันสักพัก สัมผัสบรรยากาศธรรมชาติอย่างเต็มที่ สายน้ำที่ใส ป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ อากาศที่บริสุทธ์ สักครั้งในชีวิต@เขื่อนเชียวหลาน