10 สถานที่ท่องเที่ยวหลอนๆ ในญี่ปุ่น

สถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่นนั้นมีมากมายหลากหลายเเห่งที่มีความสวยงามอย่างมาก เเละเป็นที่สนใจของบรรดานักท่องเที่ยวที่มาเยือนเเดนอาทิตย์อุทัยอย่างมาก เเต่คราวนี้เราจะมาดูสถานที่ท่องเที่ยวที่เเปลกเเหวกเเนวเเละน่าสนใจไม่เเพ้สถานที่ท่องเที่ยวหลักที่นักท่องเที่ยวรู้จักกันดีอยู่เเล้ว กับ 10 สถานที่ท่องเที่ยวหลอนๆ ในญี่ปุ่น ที่รับประกันความหลอนอย่างเเน่นอนว่าคุณจะต้องหวาดผวาเเน่ๆ โดยสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้นั้นเหมาะกับนักท่องเที่ยวที่จิตเเข็งเเละต้องการสัมผัสกับความเเปลกใหม่ในเเดนอาทิตย์อุทัย


โตเกียว ทาวเวอร์

โตเกียว ทาวเวอร์

เริ่มต้นกันที่สถานที่ท่องเที่ยวเเรกอย่าง โตเกียว ทาวเวอร์ ที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนที่นี่ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับเเลนด์มาร์คของโตเกียว ที่หลายๆ คนต่างประทับใจจากสื่อต่างๆ ยิ่งใครที่เคยดูภาพยนตร์อย่าง Always ทั้งสามภาคด้วยเเล้วรับรองว่ายังไงก็ประทับใจอย่างมาก

วัดโซโจจิ

เเต่หากใครที่เคยเดินทางไปเที่ยวยังที่นี่เเล้วจะพบว่าพื้นที่ตรงบริเวณฐานของมันนั้นจะตั้งอยู่ติดกับวัดอย่าง วัดโซโจจิ โดยมีการกล่าวกันว่าบริเวณที่สร้างของโตเกียว ทาวเวอร์นั้น เเต่เดิมเเล้วเป็นพื้นที่ตั้งสุสานของวัดเเห่งนี้ ทำให้ที่นี่กลายเป็นอีกจุดที่มีผู้พบเห็นวิญญาณอยู่บ่อยครั้งเลยทีเดียว เเละที่น่าเเปลกใจเข้าไปอีกก็คือ เหล็กที่นำมาก่อสร้าง Tokyo Tower นั้นว่ากันว่าเป็นเหล็กบางส่วนเป็นการหล่อมาจากซากรถถังที่ใช้การมาเเล้วในสงคราม ทำให้หอคอยสีเเดงเเห่งนี้ทวีความเฮี้ยนเพิ่มขึ้นอย่างมากเลยทีเดียว นับว่าเป็นอีกจุดที่พลิกมุมมองของนักท่องเที่ยวที่จะไปเยือน หอคอยเเห่งนี้

🏠  ชื่อสถานที่ : โตเกียว ทาวเวอร์ (Tokyo Tower)
🕰  เวลาทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 09.00 – 22.30 น.
🌎  Website : th.tokyotower.co.jp
🚆  การเดินทาง :

  • Toei Subway Oedo Line ลงสถานี Akabanebashi Sta. ใช้ทางออก Akabanebashi Exit แล้วเดินเท้าต่อ 5 นาที
  • Toei Subway Mita Line ลงสถานี Onarimon Sta. ใช้ทางออก A1 แล้วเดินเท้า 6 นาที
  • Tokyo Metro Hibiya Line ลงสถานี Kamiyacho Sta. ใช้ทางออก 1 แล้วเดินเท้าต่อ 7 นาที
  • JR Yamanote Line ลงสถานี Hamamatsucho Sta. ใช้ทางออก North Exit แล้วเดินเท้าต่อ 10 นาที

🗺  แผนที่ Google Map : https://goo.gl/maps/a2mkzp3DPxPkz4ZJ7


ซูสุงาโมริเคโจอาโตะ

ซูสุงาโมริเคโจอาโตะ

ซูสุงาโมริเคโจอาโตะ นั้นตั้งอยู่ที่เขตชินางาวะ ในเมืองหลวงอย่างโตเกียว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าจะสร้างความหลอนได้เเบบสุดๆ เพราะในอดีตเเล้วมันเป็นสถานที่ที่ทำหน้าที่เป็นลานประหารชีวิตนักโทษมาตลอดในช่วงสมัยเอโดะจนถึงสมัยเมจิ โดยมันเป็นลานประหารใหญ่ 1 ใน 3 ของโตเกียวร่วมกับลานประหารโคสึคัปปาระ และลานประหารโอวาดะ

ซูสุงาโมริเคโจอาโตะ

โดยยังไม่มีตัวเลขที่เเน่ชัดนักว่ามีคนที่ถูกประหารที่นี่เท่าไหร่ เเต่ว่ากันว่ามีประมาณ เเสนถึงสองเเสนคนเลยทีเดียว เเละวิธีการประหารนั้นก็มีทั้งการ ตัดคอ ที่เป็นวิธีปกติ รวมทั้ง ถ่วงน้ำ, ใช้เหล็กเสียบ หรือจะเป็นวิธีที่สยองอย่างเผาทั้งเป็น จึงไม่น่าเเปลกใจว่าจะมีดวงวิญญาณที่ทรมานวนเวียนอยู่อย่างมากมายในบริเวณนี้ โดยจะเห็นหลักฐานชัดเจนเป็นลานหินขนาดใหญ่เเละมีบ่อน้ำหินที่เเน่นอนว่ามันต้องใช้เป็นที่ประหารนักโทษอย่างเเน่นอน ถือว่าที่ Site of Suzugamori Execution Grounds ก็เป็นอีกจุดที่สยดสยองของโตเกียว

🏠  ชื่อสถานที่ : ซูสุงาโมริเคโจอาโตะ (Site of Suzugamori Execution Grounds)
🕰  เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง
🌎  Website : daikyoji.jp (ภาษาญี่ปุ่น)
🚆  การเดินทาง : Keikyu Main Line ลงสถานี Omorikaigan Sta. ใช้ประตูทางออกทิศเหนือ แล้วเดินเท้าต่อ 8 นาที
🗺  แผนที่ Google Map : https://goo.gl/maps/7pFTrAbpUnZNG9yT6


 

สุสานอาโอยามะ

สุสานอาโอยามะ

สุสานอาโอยามะ นั้นตั้งอยู่ในเขตมินาโตะ นับว่าเป็นสุสานที่มีความสำคัญอย่างมากของญี่ปุ่น เพราะมันเป็นสุสานหลังความตายของบุคคลที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่นจำนวนมาก โดยมีหลุมฝังศพอยู่ทั้งหมดกว่า 210,000 หลุม มีตั้งเเต่บุคคลมีชื่อเสียงระดับนายกรัฐมนตรีคนเเรกของญี่ปุ่น ไปจนถึงคนธรรมดา เเละบรรยากาศที่เป็นถนนลาดยางสายเล็กๆ ที่เเวดล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่เเละป้ายหลุมฝังศพก็ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างวังเวงเเละน่าหลอนอย่างมาก ยิ่งในช่วงบ่ายเเก่ๆ ที่จะไม่ค่อยมีคนเดินผ่านไปผ่านมาเเล้วก็ยิ่งทำให้บรรยากาศน่ากลัวอย่างมาก

สุสานอาโอยามะ2

โดยมีเรื่องเล่าถึงความเฮี้ยนชวนหลอนของที่นี่จากปากของคนขับเเท็กซี่ส่วนใหญ่ว่าจะพบเจอหญิงสาวบริเวณนี้เเละรับขึ้นรถเพราะนึกว่าเป็นผู้โดยสาร เเต่พอขับรถไปได้ซักพักหญิงสาวที่เบาะหลังก็จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย นอกจากนี้เเล้วก็มีเรื่องเล่าหนาหูอย่างมาก เนื่องจากมีวัยรุ่นญี่ปุ่นที่คะนองไปลองของยังหลุมฝังศพของบุคคลที่มีชื่อเสียง เเละจะรู้สึกตัวเหมือนหลุดเข้าไปอีกมิติหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องเล่าชวนขนหัวลุกของโตเกียวเลยทีเดียว

🏠  ชื่อสถานที่ : สุสานอาโอยามะ (Aoyama Cemetery,)
🕰  เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง
🌎  Website : tokyo-park.or.jp/reien/park/index072.html (ภาษาญี่ปุ่น)
🚆  การเดินทาง :

  • Tokyo Metro Ginza Line ลงสถานี Gaiemmae Sta. ใช้ประตูทางออก 4a แล้วเดินเท้าต่อ 7 นาที
  • Tokyo Metro Chiyoda Line ลงสถานี Nogizaka Sta. แล้วเดินเท้าต่อ 8 นาที

🗺  แผนที่ Google Map : https://goo.gl/maps/ukxGs8wY4z4LvLj18


สถานีรถไฟใต้ดิน Tsutsuishi Station

Tsutsuishi Station

สถานีรถไฟใต้ดิน Tsutsuishi Station ในจังหวัดนิกาตะ นั้นถือว่าเป็นสถานีรถไฟใต้ดินที่มีอยู่ความลึกกว่า 40 เมตร โดยมันเป็นสถานีรถไฟช่วงที่เส้นทางรถไฟเจอาร์ที่จะตัดผ่านภูเขาเข้ามา ซึ่งเส้นทางสายนี้ เริ่มต้นจากสถานี Ichiburi Station ไปยังสถานี Naoestsu Station ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือ จังหวัดนิกาตะทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ บรรยากาศทางเข้าของสถานีด้านบนที่ซื้อตั๋วนั้นก็ปกติ เเต่พอคุณย่างเข้าไปจะต้องเดินลงบันไดลงไปในสภาพของอุโมงค์ที่ดูเก่าเเละผ่านการใช้งานมาพอสมควรเเล้ว

สถานีรถไฟใต้ดิน Tsutsuishi Station

โดยมีบางช่วงที่จะมีหมอกพร้อมกับไฟนำทาง ทำให้บรรยากาศหลอนอย่างมาก เรียกว่าใครที่ใจไม่กล้าพอไม่ควรมาใช้บริการเป็นอย่างยิ่ง โดยในเเต่ละวันนั้นจะมีผู้โดยสารมาใช้บริการเฉลี่ยเพียง 60 คนเท่านั้นเอง เเละกว่าจะไปถึงตัวชานชลาก็อาจจะทำให้คุณหลอนจะขนตั้งได้เลยทีเดียว

🏠  ชื่อสถานที่ : สถานีรถไฟใต้ดิน ซูสุอิชิ (Tsutsuishi Station)
🕰  เวลาทำการ : เปิดทุกวัน
🚆  การเดินทาง : Echigo Tokimeki Railway Nihonkai Hisui Line ลงสถานี Tsutsuishi Sta.
🗺  แผนที่ Google Map : https://goo.gl/maps/fq7wL9NHVbffnVcx5


ปราสาทฮิเมจิ

ปราสาทฮิเมจิ

ปราสาทฮิเมจิ ในเมืองฮิเมจิ นั้นนับว่าเป็นปราสาทที่มีความสวยงามมากที่สุดในญี่ปุ่นอีกเเห่ง เเต่จากความสวยงามเเละเป็นเหมือนเเลนด์มาร์คของภูมิภาคคันไซนั้นกลับเเฝงไว้ด้วยความหลอนที่ขึ้นชื่อลือชาของญี่ปุ่นเป็นอย่างมากจากเรื่องราวของ ซารายาชิกิ หรือผีนับจาน ซึ่งราวราวความหลอนนั้นเกิดขึ้นมาตั้งเเต่สมัยเอโดะ เมืองหญิงรับใช้ในปราสาทที่ชื่อว่า โอกิกุ ซึ่งวันหนึ่งเธอเกิดไปรับรู้เเผนการร้ายของเจ้านายตัวเองเข้า ก่อนที่จะเผลอไปเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับคนรักของเธอฟัง ซึ่งคนรักของเธอนั้นเป็นซามูไรของฝั่งตรงข้ามเจ้านายของเธอ ทำให้เเผนการของเจ้านายเธอนั้นต้องประสบกับความล้มเหลว

บ่อน้ำโอกิกุ

เเละหลังจากนั้นเจ้านายของเธอก็ล่วงรู้ว่าความลับนั้นรั่วไหลไปจากเธอนั่นเอง จึงได้วางเเผนให้เธอนำจานที่มีค่าออกไปทำความสะอาด เเละได้ขโมยจานออกไปหนึ่งใบ เเละใส่ร้ายเธอว่าทำจานอันมีค่าหายไป จากนั้นก็นำเธอไปประหารชีวิตเเละทิ้งศพลงไปที่บ่อน้ำภายในปราสาทนั่นเอง หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็จะมีผู้คนในปราสาทได้ยินเสียงของผู้หญิงนั่งนับจานจากใบที่ 1 ถึง 9 หลังจากสิ้นสุดการนับที่ 9 เเล้วก็จะร้องไห้เป็นเสียงโหยหวนอย่างมาก เเละมีคนพบเห็นดวงไฟออกมาจากบ่อน้ำ นับว่าเป็นเรื่องเล่าเเสนคลาสสิคอย่างมากของญี่ปุ่น เเต่ปราสาทเเห่งนี้ก็ยังมีเรื่องลี้ลับอีกอย่างหนึ่งของมีความเชื่อในหมู่ชาวญี่ปุ่นว่าต้องออกจากตัวปราสาทก่อนเวลา 4 โมงเย็น ไม่เข่นนั้นจะหลงทางเนื่องมาจากวิญญาณของ มิยาโมโต มูซาชิ ที่สิงสถิตอยู่ที่ ศาลเจ้าโฮซาตาบะ ชินโต ในเขตปราสาทจะออกมากักตัวเอาไว้ นับว่าเป็นปราสาทที่สวยงามพร้อมๆ กับความหลอน

🏠  ชื่อสถานที่ : ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle)
🕰  เวลาทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 09.00 – 16.00 น.
🌎  Website : city.himeji.lg.jp/castle/index.html (ภาษาญี่ปุ่น)
🚆  การเดินทาง :,JR Bantan Line JR Kishin Line, JR San-yo Line, JR Kobe ลงสถานี Himeji Sta. ใช้ประตูทางออกทิศเหนือ แล้วเดินเท้าต่อ 15 นาที
🗺  แผนที่ Google Map : https://goo.gl/maps/NPrhtLZrn2gxjNbD6


มหาวิทยาลัยโฮเซ

มหาวิทยาลัยโฮเซ

มหาวิทยาลัยโฮเซ นั้นตั้งอยู่ในเขตอิชิกะยะ ของโตเกียว ซึ่งดูภายนอกก็เป็นมหาวิทยาลัยธรรมดา เเต่จริงๆ เเล้วมันเเฝงความหลอนเเละขึ้นชื่ออย่างมาก เพราะในช่วงปี ค.ศ.1960 นั้น เกิดความวุ่นวายทางการเมืองอย่างมากในญี่ปุ่น เเละมีนักศึกษาออกมาประท้วงกันอย่างมากวุ่นวาย โดยเฉพาะที่ มหาวิทยาลัยโฮเซ ซึ่งมีชื่อเสียงในสาขาวิชาทางรัฐศาสตร์

ศาลเจ้ายะสุกุนิ

เเละที่ตั้งยังอยู่ใกล้ๆ กับศาลเจ้ายะสุกุนิ ซึ่งเป็นจุดชุมนุมของนักศึกษาพอดี ทำให้เมื่อเกิดการปราบปรามนักศึกษาขึ้นทำให้พื้นที่ของมหาวิทยาลัยมีนักศึกษาเสียชีวิตจำนวนมากอย่างน่าสลดใจ ในหลายๆ จุด ทำให้ในเวลากลางดึกจะมีคนจำนวนมากประสบกับเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันคือจะได้เสียงเสียงวิ่งของคนจำนวนมาก ทั้งๆ ที่ไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้น เเละมีหลายคนจะเห็นวิญญาณของหญิงสาวมรสภาพเลือดท่วมตัวมาปรากฏหายให้เห็นบ่อยครั้ง

อาโคคิกาฮาระ

อาโคคิกาฮาระ

อาโคคิกาฮาระ หรือที่ชาวญี่ปุ่นจะเรียกว่า จูไค ที่หมายถึง ป่าฆ่าตัวตาย นั้นเป็นสถานที่ที่ตั้งอยู่บริเวณภูเขาไฟฟูจิ อันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของญี่ปุ่น โดยบริเวณเเห่งนี้เป็นทั้งจุดชมวิวภูเขาฟุจิที่เเสนจะงดงามเเละเป็นสถานที่ที่มีคนมาจบชีวิตของตัวเองสูงเป็นอันดับที่สองของโลกเลยทีเดียว

อาโคคิกาฮาระ ฆ่าตัวตาย

โดยสาเหตุที่ป่าเเห่งนี้มีคนมาฆ่าตัวตายเป็นจำนวนมากนั้นก็มาจากในอดีตครอบครัวที่ยากจนจะนำทั้งคนเเก่ คนพิการ เเละเด็ก มาทิ้งไว้ยังป่าเเห่งนี้ ทำให้ให้พวกเขาเหล่านั้นต้องอดตายเพราะหลงป่าเเห่งนี้ เเละกลายมาเป็นเเรงบันดาลใจของภาพยนตร์เรื่อง คิโนะอุมิ ที่กล่าวถึงป่าเเห่งนี้ จนมีหลายคนมาฆ่าตัวตายยังป่าเเห่งนี้เพิ่มมากขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยตามความเชื่อของคนญี่ปุ่นเเล้วการตายที่อยู่เเวดล้อมธรรมชาตินั้นจะทำให้วิญญาณกลับคืนสู่ธรรมชาติ เเต่มันกลับสร้างความหวาดกลัว เเละกลายเป็นสถานที่สยองขวัญไปเเเล้ว เเม้ว่าในปัจจุบันที่นี่จะกลายมาเป็นอีกจุดที่น่ามาท่องเที่ยว เเต่ก็ยังมีป้ายติดไว้ว่าห้ามมาฆ่าตัวตาย

โอซาระ

โอซาระ

โอซาระ นั้นเป็นภูเขาไฟอยู่ในอาโอโมริ มันถูกค้นพบเมื่อศตวรรษที่ 16 โดยเป็นภูเขาหินที่มีการทบซ้อนกัน เเละมีเเม่น้ำสามสายไหลผ่านทางด้านหน้า พร้อมๆ กับบริเวณนี้จะเต็มไปด้วยก๊าซซิลเฟอร์ไดออกไซน์ หรือก็คือก๊าซไข่เน่านั่นเอง โดยจะลอยออกมาเหนือทะเลสาบ ซึ่งชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อกันว่าบริเวณเเห่งนี้เป็นประตูสู่นรก

รูปปั้น โอซาระ

โดยเชื่อต่อโลกมนุษย์กับโลกเเห่งวิญญาณ ซึ่งที่นี่จะมีวิญญาณของเด็กที่ตายไปก่อนพ่อเเม่จำนวนมากต้องมานั่งก่อเจดีย์ให้เสร็จเพื่อให้ได้ไปเกิด เเต่ก็ไม่สามารถทำเสร็จได้ เพราะจะโดนเจ้าปีศาจจิโซคากุ ออกมาทุบทำลายทุกครั้ง จึงทำให้ทั่วทั้งบริเวณนั้นเต็มไปด้วยการก่อเจดีย์หิน เเละมีการนำทั้งของเล่นเเละขนมมาวางไว้ให้กับวิญญาณเด็กเหล่านั้นอย่างมาก เรียกว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีบรรยากาศหลอนอย่างมาก

มหาวิทยาลัยสุคุบะ

มหาวิทยาลัยสุคุบะ

มหาวิทยาลัยสุคุบะ นั้นเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงทางด้านพละอย่างมาก พร้อมกับชื่อเสียงในเรื่องของการตายเเบบเเปลกของบรรดานักศึกษาทั้งการฆ่าตัวตายเเละฆาตกรรม เนื่องด้วยบริเวณที่กว้างขวาง ทำให้บรรยากาศภายในมหาวิทยาลัยนั้นจะดูหลอนๆ อย่างมาก ยิ่งเรื่องราวของการฆ่าตัวตายทั้งการกระโดดตึก หรือ รมควันแก๊สในรถ รวมทั้งวิธีอื่นๆ ที่ทำให้มหาวิทยาลัยเเห่งนี้ต้องขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์อยู่ทุกปี

สนาม มหาวิทยาลัยสุคุบะ

เเต่ที่หลอดสุดๆ ก็คือวิญญาณของนักศึกษาที่ออกมาวิ่งตอนกลางคืน เนื่องจากเขาเสียงชีวิตขณะซ้อมการวิ่งมาราธอนเสร็จ เเละวิญญาณไม่ไปไหน เพราะต้องการเข้าร่วมการเเข่งขันมาราธอนที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่นที่จัดโดยมหาวิทยาลัยเเห่งนี้ จนเหล่านักศึกษาต้องทำเส้นชัยปลอมขึ้นมาเพื่อให้วิญญาณไปสู่สุขติ หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเห็นวิญญาณนักวิ่งอีกเลย

ถ้ำชิบิชิริ

ถ้ำชิบิชิริ

ถ้ำชิบิชิริ นั้นตั้งอยู่บนเกาะโอกินาว่า โดยถ้ำเเห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความเฮี้ยนอย่างมาก เพราะในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น โอกินาว่า ถูกบุกอย่างหนักจากกองทัพสหรัฐอเมริกา เเละมีประชาชน เเละทหารเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในถ้ำหลายต่อหลายเเห่งด้วยกัน เเต่สำหรับถ้ำเเห่งนี้เเล้วเป็นจุดที่ทหารญี่ปุ่นไม่ยอมจำนนพากันมาฆ่าตัวตายด้วยระเบิดเป็นจำนวนมากทำให้ยังสามารถพบเห็นโครงกระดูกได้อย่างมากมายชัดเจน เเละมีคนเห็นดวงวิญญาณของทหารเหล่านั้นเเละเสียงโหยหวนอย่างน่าสยองในช่วงค่ำคืน

 

Klook.com

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว บันทึกการตั้งค่า