เที่ยว “จันทบุรี” กับสถานที่ไม่ควรพลาด
เมื่อกล่าวถึงสถานที่ที่มีเสียงน้ำตกกระทบก้อนหิน มีเสียงนกร้องท่ามกลางธรรมชาติมีปลามากมายแหวกว่ายในสายน้ำหรือสถานที่ที่มีเสียงน้ำทะเลกระทบชายฝั่งเห็นหาดทรายทอดยาวพร้อมความเงียบสงบทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เราอาจจะมีหลายที่ในหลายๆจังหวัดให้คิดถึง แต่จะมีสักกี่จังหวัดที่มีทั้ง “น้ำตก” และ “ทะเล” รวมอยู่ในจังหวัดเดียวกัน หนึ่งในนั้นแน่นอนต้องมีจังหวัด “จันทบุรี” นอกจากมีน้ำตกที่ยังคงมีความเป็นธรรมชาติแล้วยังมีทะเลที่ใสน่าเล่นอีกหลายที่และยังมีหลายที่ที่น่าสนใจและไม่ควรพลาด แต่มีที่ไหนบ้างล่ะที่น่าสนใจ วันนี้เราจึงมีสถานที่สวยงามน่าไปเที่ยวชมสัมผัสบรรยากาศของจันทบุรีนี้แต่มีที่ไหนบ้างเรามาลองดูกันเลย
1. อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ
อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ หรือ เขาคิชฌกูฏ มีพื้นที่ครอบคลุมทั้งอำเภอมะขามและอำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี บริเวณอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมายเช่น น้ำตกกระทิง น้ำตกคลองไพบูลย์ และ รอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏ เป็นต้น
น้ำตกกระทิง เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญและมีชื่อเสียงในเขตอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ เป็นน้ำตกที่มีความสูงและสวยงาม ช่วงบนเป็นผาน้ำตกที่เปิดโล่ง สามารถมองเห็นน้ำตกบนเขาได้จากระยะไกล ต้นน้ำมาจากแหล่งน้ำบนยอดเขาคิชฌกูฏ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่มี 13 ชั้น ซึ่งในแต่ละชั้นจะล้อมรอบไปด้วย ต้นไม้ ป่าไม้และพรรณไม้ที่ยังคงความเป็นธรรมชาติ ส่วนในแอ่งน้ำตกในแต่ล่ะชั้นน้ำค่อนข้างใสเหมาะเล่นกับการเล่นน้ำมากๆแต่ยกเว้นชั้น 10 ถึง 13 ทางเจ้าหน้าที่ ไม่อนุญาติให้ขึ้นไปชมไปเล่น เพราะเป็นจุดที่เคยมีดินถล่ม เจ้าหน้าที่จะติดเป็นป้ายประกาศเตือนไว้ จุดที่มีคนนิยมมาเล่นน้ำมากที่สุดจะเป็นชั้น 3 เนื่องจากไม่ไกลจากที่ทำการมาก เป็นจุดที่ไม่ต้องเดินขึ้นเขามาก สายน้ำไม่แรงมาก เป็นจุดเล่นน้ำที่ปลอดภัยเหมาะสำหรับการมาผักผ่อน แต่สำหรับคนชอบลุย ชอบความท้าทายต้องชั้นชั้น 8 และชั้น 9 ซึ่งเป็นจุดไฮไลท์ของน้ำตกกระทิงเลย สายน้ำไหลตกจากผาสูงชัน ทำให้เกิดละอองน้ำฟุ้งกระจาย แต่ทางขึ้นเขาอาจจะลำบาก ต้องใช้ความระมัดระวังและกำลังขากันสักหน่อย โดยชั้น 8 ถึง 9 ถือว่ามาเป็นจุดที่สวยที่สุดของน้ำตกแล้ว เป็นจุดชมวิวที่เห็นวิวทิวทัศน์ในระยะไกลสามารถเห็นอ่างเก็บน้ำและป่าไม้ที่รายล้อมอยู่โดยรอบดูสวยงามมาก ช่วงที่เวลาที่เหมาะกับการมาเที่ยวชมน้ำตกกระทิง ควรเป็นช่วงเดือน ตุลาคมถึงกุมภาพันธ์ จะเป็นช่วงหลังฤดูฝนต้นไม้โดยรอบจะดูเขียวชอุ่ม มีมอส เฟิร์น และดอกไม้สวยๆ เหมาะกับการมาผักผ่อน ยิ่งถ้ามาแบบกางเต็นท์นอนบนบริเวณลานกางเต็นซึ่งอยู่ใกล้ๆกับอ่างเก็บน้ำ จะเห็นไอหมอกยามเช้า วิวที่สวยงาม เหมาะกับเก็บภาพประทับใจมากๆ
น้ำตกกระทิง ชั้นนี้เหมาะสำหรับเล่นน้ำผักผ่อน
น้ำตกกระทิงชั้น 3 จุดยอดนิยม สำหรับคนมาเล่นน้ำพักผ่อน
น้ำตกกระทิงจากชั้น 8
น้ำตกคลองไพบูลย์ น้ำตกแห่งนี้มีต้นน้ำมาจากเขาคิชฌกูฏเช่นเดียวกับน้ำตกกระทิง เป็นน้ำตกที่มีลำธารน้ำกว้างท้องลำธารนี้เป็นกรวดและหิน น้ำจึงค่อนข้างใสและเย็น ไม่ขุ่นง่าย น้ำในลำธารแบ่งเป็นหลายระดับ มีเป็นแอ่งน้ำหลายแอ่งให้ลงไปเล่นจึงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทุกวัย ส่วนบริเวณที่ฮิตที่สุดคือ บริเวณถัดจากสะพานแขวนไป จะเห็นจุดที่มีโขดหินขนาดใหญ่อยู่กลางธารน้ำจุดนั้นจะมีนักท่องเที่ยวมาเล่นค่อนช้างเยอะ เพราะบริเวณนั้น น้ำจะไหลจากผ่านซอกหินจึงดูเหมือนค่อนข้างแรง แต่หลังจากตรงนั้นไม่ไกลจะเป็นเขตบริเวณตื่น น้ำจึงพัดได้ไม่ไกลมาก จึงไม่ต้องกลัว นักท่องเที่ยวบางคนยังเอาห่วงยางมาเล่นลอยคอพัดตามกระแสน้ำเพื่อเกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน
นอกจากลงเล่นน้ำในธารน้ำตกแล้วยังมี จุดสะพานแขวนที่เป็นไฮไลท์ของน้ำตกแห่งนี้อีกหนึ่งที่ เป็นสะพานที่ทอดข้ามธารน้ำไปยังอีกฝั่ง เป็นสะพานแคบๆ พื้นปูด้วยกระดานไม้3แผ่นตามแนวยาวความกว้างประมาณ 1 เมตรด้านข้างขึงด้วยเชือกสำหรับไว้จับ ส่วนราวเชือกด้านล่างมีตาข่ายขึงไว้กันตก โดยเป็นจุดที่สามารถมองเห็นธารน้ำตกได้ทั้งสายและเป็นจุดที่นิยมถ่ายรูปคู่กับสะพานแขวนไว้ยืนยันว่ามาเที่ยวที่นี่แล้ว สำหรับกางเต็นท์พักแรม ณ น้ำตกคลองไพบูลย์ หากใครเอาเต็นท์มาด้วยจะเสียค่ากางเต็นท์ คนละ 30 บาท แต่หากใครไม่มีเต็นท์มาด้วยก็มีบริการเช่าโดยคิดเต็นท์ละ 225 บาท สามารถนอนได้ประมาณ 3 คน ส่วนห้องน้ำภายในสถานที่มีห้องน้ำคอยให้บริการผู้ที่มาผักผ่อนอยู่แล้ว ส่วนอาหารนั้นสามารถนำเตาทำปิ้งย่างกินได้ แต่ไม่สามารถก่อกองไฟใหญ่ๆได้เพราะอาจเกิดไฟไหม้ป่าได้ เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาติ ส่วนเรื่องความปลอดภัยก็ไม่ต้องห่วงครับ มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล 24 ชั่วโมง ส่วนช่วงที่เหมาะแก่การมากางเต๊นท์ก็คือช่วง หน้าหนาว การที่ได้ทำปาตี้ปิ้งย่างท่ามกลางบรรยากกาศน้ำตกคงจะรู้สึกดีไม่น้อยเลย
จุดเล่นน้ำภายในน้ำตกคลองไพบูลย์
ภาพบรรยากาศดีๆภายในน้ำตกคลองไพบูลย์
จุดสะพานแขวนที่เป็นไฮไลท์ของน้ำตกคลองไพบูลย์
รอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏ ตั้งอยู่บนยอดเขาเขตอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี โดยเป็นที่ประดิษฐานของรอยพระพุทธบาทที่อยู่สูงที่สุดในประเทศไทย ซึ่งสูงถึง 1,050 เมตรจากน้ำทะเล รอยพระพุทธบาท มีลักษณะเป็นรอยแผ่นหินขนาดใหญ่ มีรอยลึกประมาณ 2 เมตรกว้าง 1 เมตรและยาว 2 เมตร รอยพระพุทธบาทนั้นตั่งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานเขาคิชฌกูฏประมาณ 4 กิโลเมตร ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของรอยพระพุทธบาทจะพบเห็นก้อนหินขนาดใหญ่ก้อนหนึ่งมีลักษณะค่อนข้างกลม เรียกว่าหินลูกพระบาท ซึ่งถ้ามองดูจะรู้สึกว่าแปลกประหลาดและมหัศจรรย์มาก หินก้อนนี้ไม่น่าจะตั้งอยู่ได้ มองเห็นคล้ายๆว่าก้อนหินลอยอยู่เฉยๆ และมีคนกล่าวว่า เคยมีคนเอาด้ายสายสิญจน์คล้องแล้วด้ายสายสิญจน์หลุดออกมาได้และยังมีหินอีกลูกตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับหินลูกพระบาท มีรอยพระหัตถ์ไปรับหินก้อนนี้ จากรอยพระพุทธบาทกับรอยพระหัตถ์ห่างกันประมาณ 5 เมตร และหินด้านตรงข้ามกับรอยพระหัตถ์จะเห็นรูปรอยเท้าขนาดใหญ่ที่คนที่นั้นเรียกว่า รอยเท้าพญามาร เพียงแหงนหน้าขึ้นไปจะมองเห็นได้ทันที สูงประมาณ 15 เมตร และห่างจากนั้น 15 วา จะเห็นเป็นคล้ายๆรอยเกวียนเมื่อยืนบนนั้นแล้วมองไปทางทิศเหนือของรอยพระพุทธบาทจะเห็น ถ้ำเต่า เพราะลักษณะถ้ำคล้ายๆรูปเต่า เมื่อมองไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะเห็นหินก้อนหนึ่งมีรูปลักษณะคล้ายช้าง และมองไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้จะเห็นอีกถ้ำหนึ่ง เรียกว่าถ้ำสำเภา เพราะมีหินก้อนหนึ่งข้างบนถ้ำมีลักษณะคล้ายๆเรือสำเภา
การเดินทางไปนมัสการรอยพระพุทธบาทต้องเตรียมตัวให้พร้อม พักผ่อนให้เพียงพอโดยเราต้องไปขึ้นรถรับจ้างขับเคลื่อน 4 ล้อ(รถ 4×4)ที่วัดกะทิง หรือ วัดพลวงในอ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี ด้วยทางและถนนที่ชันมากถ้าไม่ใช่คนที่ขับบ่อยๆมีเกิดอุบัติเหตุแน่นอน โดยถ้าขึ้นจาก วัดกระทิง รถจะวิ่งยาวต่อเดียวตั้งแต่วัดไปยันจุดสุดท้ายที่รถวิ่งไปไม่ได้แล้วก็จะรับท่านกลับมาส่งที่วัดกะทิงเหมือนเดิม แต่ถ้าขึ้นที่ วัดพลวง รถจะวิ่งไปส่งแค่กลางเขาไปต่อรถอีกคันเพื่อวิ่งไปถึงยอดเขาตอนกลับก็จะมาส่งที่กลางเขาและต่อรถอีกคันเพื่อมาส่งที่วัดพลวง บางคนอยากเดินขึ้นเขาเองก็สามารถเดินขึ้นได้ระยะทางจากวัดพลวงไปถึงยอดเขาคิชฌกูฏประมาณ 8 กิโลเมตร
โดยทุกปีจะเปิดให้เข้าชมเพียง 2 เดือนเท่านั้น ช่วงเดือน มกราคมถึงเมษายน โดยในปีปี พ.ศ.2560 ประเพณีสักการะรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏ ประจำปีจะเริ่มวันที่ 28 มกราคมถึง 28 มีนาคม 2560
รอยพระพุทธบาทจุดที่นักท่องเที่ยวมากราบไหว้ขอพรและนำดอกดาวเรืองมาถวายจำนวนมาก
ก้อนหินข้างๆรอยพระพุทธบาทที่มีคนกล่าวว่า หินก้อนั้นเหมือนรอยเหนือจากพื้น
ทางเดินขึ้นเขาคิชฌกูฏ
ทางเดินขึ้นเขาคิชฌกูฏที่นักท่องเที่ยวจะมาเคาะระฆังกันด้วยเหรียญ ซึ่งเชื่อกันว่าเคาะระฆังกันแล้วได้ขึ้นสวรรค์
2. อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว
อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว อยู่บนพื้นที่ครอบคุมทั้งอำเภอแหลมสิงห์ อำเภอขลุงและอำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี โดยพื้นที่ในอุทยานเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์มีเทือกเขาสลับซับซ้อนมีแหล่งน้ำลำธารหลายสายมีความสวยงามของธรรมชาติป่าไม้ มีน้ำตกตลอดปี มีปลาแหวกว่ายจำนวณมาก ทำให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่น่ามาสัมผัสคนที่รักธรรมชาติไม่ควรพลาด น้ำตกพลิ้วนั้นอยู่ห่างจากจังหวัดจันทบุรีประมาณ 14 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 134.50 ตารางกิโลเมตร หรือ 84,062.50 ไร่ ด้วยความที่น้ำตกพลิ้ว เป็นน้ำตกขนาดใหญ่และสวยงาม มีสายธารน้ำ 2 สายใหญ่ๆ สายหนึ่งไหลลดหลั่นผ่านซอกหินผา อีกสายหนึ่งมีขนาดเล็กกว่า แต่ทิ้งตัวลงมาจากผาสูง 20 เมตร ทั้งสองสายไหลมารวมกันในแอ่งน้ำใสสะอาดมาก โดยสิ่งที่น่าสนใจคงหนีไม่พ้นฝูงปลาที่แหลกว่ายจำนวนมากโดยเฉพาะ ปลาพลวงหิน และนอกจากตัวน้ำตกแล้วยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติซึ่งทางอุทยานได้จัดทำเส้นทางศึกษาธรรมชาติศึกษาพรรณไม้พรรณพืชต่างๆไว้ให้นักศึกษาและประชาชนทั่วไปได้เรียนรู้ หากถ้าใครสนใจเข้าพักในอุทยาน ทางเจ้าหน้าที่อุทยานจะจัดเตรียมเต็นท์และสถานที่กางเต็นท์ไว้ให้บริการนักท่องเที่ยวโดยการสำรองที่พักเต็นท์สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียด และสำรองที่พักเต็นท์ได้กับอุทยานแห่งชาติโดยตรง ค่าเข้าชม คนไทยผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
ปลาพลวงหินที่พบได้มากในน้ำตกพลิ้ว
นักท่องเที่ยวที่ได้สัมผัสน้ำเย็นๆใสๆภายในน้ำตกพลิ้ว
สะพานข้ามธารน้ำตกภายในอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว
3. หาดเจ้าหลาว
หาดเจ้าหลาวอยู่ในเขตอำเภอท่าใหม่ อยู่ห่างจากตัวเมืองจันทบุรีประมาณ 60 กิโลเมตรเป็นชายหาดที่มีชื่อเสียงแห่งหนึงของจังหวัดจันทบุรี หาดเจ้าหลาวนั้นเป็นหาดทรายทรายละเอียดสีนวลทอดยาวริมทะเลไปถึงอ่าวคุ้งกระเบน น้ำใสและด้วยลักษณะหาดเป็นลาดยาวลงทะเลทำให้รู้สึกปลอดภัยน่าเล่นน้ำมากๆ หาดเจ้าหลาวยังคงมีความเป็นธรรมชาติโดยสามารถเห็นได้จากปูลม ปูตัวเล็กๆที่ขึ้นมาจากรูบริเวณชายหาด สามารถมองเห็นได้ตามแนวชายหาดตลอดแนว หาดเจ้าหลาวเป็นหาดเงียบสงบ เป็นหาดที่สะอาด ผู้คนนิยมมาพักผ่อนโดยเฉพาะช่วงวันหยุด หาดเจ้าหลาวนั้นมีบริการให้เล่นบานาน่าโบ๊ท มีบริการเช่าห่วงยางเล่นน้ำ ให้ผู้สนใจได้ใช้บริการ ซึ่ง
บรรยากาศแบบนี้เหมาะสำหรับมาพักผ่อนแบบครอบครัว ผู้ใหญ่หาอะไรทานริมหาดส่วนเด็กเล่นน้ำวิ่งเล่นริมหาดไป รวมทั้งใครที่มาคนเดียวแล้วอยากนั่งมองคลื่นทะเลฟังเสียงน้ำทะเลกระทบฟัง ทะเลเจ้าหลาวก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลว
ปูลมโผล่ขึ้นจากรูบริเวณชายหาดเจ้าหลาว
ชายหาดทะเลเจ้าหลาว
เรือลากและบานาน่าโบ๊ทพร้อมให้นักท่องเที่ยวได้มาลอง
บริการเช่าห่วงยางริมชายหาดเจ้าหลาว
ริมหาดเจ้าหลาวยามเย็น
4. โบสถ์คาทอลิก จันทบุรี
โบสถ์คาทอลิกจันทบุรี หรือ อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล ตั้งอยู่ในบริเวณโรงเรียนสตรีมารดาพิทักษ์ ตำบลจันทนิมิตร จังหวัดจันทบุรี เป็นโบสถ์ที่มีประวัติการก่อสร้างยาวนานสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2254 ลักษณะตัวอาคารเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมตะวันตกที่เรียกว่า “ศิลปะแบบโกธิค” ตัวอาคารยาว 60 เมตร กว้าง 20 เมตร โบสถ์หลังนี้ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามทั้งภายในและภายนอกโดยภายใน ตกแต่งด้วยภาพกระจกสีที่เรียกว่า สเตนกลาส เป็นรูปของนักบุญหลายองค์ติดอยู่บริเวณเหนือพระแท่นบูชาและเหนือหน้าต่าง แม้กระจกสีเหล่านี้มีอายุมากกว่า 100 ปีแต่สีสันภาพกระจกยังเด่นชัด ไม่ลอกลบเลือนสวยงาม และภายในโบสถ์บริเวณพระแท่นได้รับการตกแต่งแบบโกธิค พื้นปูด้วยหินอ่อน บริเวณเหนือพระแท่นบูชา มีรูปกางเขนและพระรูป พระนางมารีอาปฎิสนธินิรมล องค์ประธานของวัดตั้งอย่างงดงาม รวมทั้งรูปปั้นของนักบุญยออากิม และนักบุญอันนา บิดามารดาของพระนางมารีด้วย ภายนอกยังมีรูปปั้นพระแม่มารียืนสีหน้าสงบ เปี่ยมประกายเมตตา ยืนอยู่หน้าอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล โบสถ์หลังนี้ไม่ได้เป็นโบสถ์ที่สวยงามเท่านั้นหากยังเป็นศูนย์รวมศรัทธาของชาวคริสต์ไม่ใช่เพียงเฉพาะเมืองจันทบูรเท่านั้นแต่ครอบคลุมไปทั่วฝั่งทะเลตะวันออกทีเดียว ช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการมาถ่ายรูปจะเป็นช่วงบ่าย เนื่องจากว่าไม่ย้อนแสง ถ่ายรูปออกมาแล้วเห็นรายละเอียดสวย ในช่วงบ่ายโบสถ์จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมภายในได้ในเวลา 13.00 ถึง 16.30 น. ยกเว้นว่าวันไหนมีพิธีแต่งงานก็งดเข้าชม ส่วนด้านนอกสามารถถ่ายรูปได้ตลอดเวลา
ความสวยงามภายในอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล
ภาพรูปปั้นพระแม่มารีตั้งอยู่เหนือไม้กลางเขนซึ่งอยู่ภายในอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล
ภาพกระจกสี สเตนกลาส เป็นรูปของนักบุญต่างๆซึ่งอยูภายในอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล
ภายนอกของอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล
5. โอเอซีส ซีเวิลด์
โอเอซีส ซีเวิลด์ ตั้งอยู่ในตำบล ปากน้ำแหลมสิงห์ อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี โอเอซีส ซีเวิลด์นั้นเป็นแหล่งเพราะพันธุ์โลมาและมีการแสดงโชว์โลมาให้นักท่องเทีั่ยวได้ชมกัน ซึ่งโลมาที่แสดงนั้นมี 2 สายพันธ์ุ คือมีโลมาปากขวดหรือเรียกอีกชื่อว่าโลมาสีชมพู และโลมาหัวบาตรหรือเรียกอีกชื่อว่าโลมาอิระวดี นอกจากได้ชมการแสดงโชว์โลมาแล้วยังมีบริการให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสได้ลงไปเล่นกับโลมาได้อีกด้วย
ซึ่ง โอเอซีส ซีเวิลด์ เปิดตั้งแต่ 9.00 ถึง 18.00 น.และราคาบัตรผ่านเข้าชมการแสดงโลมา คนไทยผู้ใหญ่ 130 บาท เด็ก 80 บาท คนต่างประเทศผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 200 บาท และหากใครต้องการที่จะทำกิจกรรมเล่นน้ำกับโลมาต้องทำความเข้าใจระเบียบการเล่นกับโลมาและต้องจองล่วงหน้าพร้อมจ่ายเงินราคาเต็มอย่างน้อย 7 วัน ซึ่งราคาบัตรการเล่นน้ำกับโลมาอยู่ที่ 2500 บาททั้งเด็กและผู้ใหญ่
ความน่ารักของการแสดงของโลมาหัวบาตรหรือโลมาอิระวดีในโอเอซีส ซีเวิลด์
การแสดงกระโดดลอดห่วงของโลมาปากขวดหรือโลมาสีชมพู ในโอเอซีส ซีเวิลด์
6. ป่าชายเลน อ่าวคุ้งกระเบน
สำหรับใครที่ชอบในธรรมชาติและบรรยากศร่มรื่นแบบป่าชายเลย ต้องลองมาที่ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน หรือ ป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบน ป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบนตั้งอยู่ในตำบลคลองขุด อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี มีมีพื้นที่ประมาณ 1,100 ไร่เป็นป่าสงวนแห่งชาติ ป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบน พันธุ์ไม้ป่าชายเลนจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 30 ชนิด ขึ้นกระจายปกคลุมอยู่รอบอ่าวและยังมีสัตว์จำพวกที่อาศัยตามป่าชายเลนอยู่มากเช่น ปลาตีน ปูก้ามดาบ ปูแสม เป็นต้น ถือได้ว่าเป็นนป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์และสวยงามแห่งหนึ่งเลยทีเดียว ส่วนสะพานที่ไว้เดินเยี่ยมชมนั้นตัวสะพานทางเดินสร้างด้วยไม้ตะเคียนทอง มีความยาวทั้งสิ้น 1,433 เมตรและยังมีส่วนที่เป็นทางเดินปูด้วยแผ่นหินทรายยาว 363 เมตรโดยเส้นทางเดินบนสะพานจะผ่านนบริเวณสังคมพืชไม้มากมาย จำพวกไม้แสม ไม้ลำพู แปลงเพาะชำกล้าไม้ แปลงปลูกป่าไม้โกงกาง และยังผ่านจุดที่นักท่องเที่ยวชอบมาเก็บภาพมากอีกที่หนึ่งในป่าชายเลน ที่นั้นก็คือสะพานแขวน จุดนี้ดูสวยงามมาก มีไม้โกงกางขนาดใหญ่ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นสมบูรณ์ โดย บริเวณทางเดินของสะพานจะมีระเบียงหยุดพักชมธรรมชาติเป็นระยะๆ เพื่อให้ผู้มาเยือนได้นั่งพักชมบรรยากาศและศึกษาหาความรู้เรื่องราวของป่าชายเลน สำหรับใครมาเที่ยวทะเลเจ้าหลาวแล้วลองแวะมาเที่ยวป่าชายเลนได้เลย เพราะอยู่ไม่ไกลกันมาก เหมือนได้เทื่ยว 2 บรรยากาศในการมาครั้งเดียว ส่วนเวลาเปิดปิดนั้นจะเปิดเวลา 06.30 ถึง 18.00 น.
สะพานทางเดินที่ไว้เดินชมบรรยากกาศภายในป่าชายเลน อ้าวคุ้งกระเบน
สะพานแขวนจุดชมวิวอีกจุดภายในป่าชายเลน อ้าวคุ้งกระเบน
สัตว์ที่เห็นได้จำนวนมากในป่าชายเลน อ้าวคุ้งกระเบน ปลาตีน
ปูก้ามดาบ สัตว์อีกชนิดที่เห็นได้จำนวนมากในป่าชายเลน อ้าวคุ้งกระเบน